กลุ่มจับตาพลังงานหวังได้คำอธิบายมากกว่านี้
นายสันติ โชคชัยชำนาญกิจ กลุ่มจับตาพลังงาน กล่าวในงานเสวนาโต๊ะกลม “จับตาโรงไฟฟ้าถ่านหิน-จากแม่เมาะถึงรัฐธรรมนูญ” ว่า จากที่รัฐบาลได้มีการผลักดันให้มีโรงไฟฟ้าถ่านหิน เนื่องจากมีการให้เหตุผลถึงพลังงานไฟฟ้าสำรองของประเทศ นั้น มีไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งการให้เหตุผลดังกล่าวนั้น ส่วนตัวเห็นว่า ทั้งรัฐบาล และการไฟฟ้าแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ไม่เคยชี้แจงถึงเหตุผลความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้า และการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ชัดเจน มีการประเมินถึงความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าที่มากกว่าความเป็นจริง นอกจากนี้ นายสันติ กล่าวว่า ประเทศไทยนั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ทั้ง 2 แห่ง เพราะพลังงานไฟฟ้าสำรองที่มีอยู่สามารถใช้ได้ประมาณ 12 ปี
อย่างไรก็ตาม ก่อนเริ่มเสวนา ได้มีการฉาย VDO Clip “วันนี้ที่แม่เมาะ” ผลงานนักเรียนโรงเรียนนักข่าว TCIJ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน
ทางด้าน นายสมชาย อามีน ทนายคดีสิ่งแวดล้อม สภาทนายความ กล่าวว่า ประชาชนที่อาศัยอยู่ที่แม่เมาะนั้น มีเจ็บ ป่วย และเสียชีวิต จากผลกระทบการทำเหมืองแร่ถ่านหิน แต่ในกระบวนการพิจารณาคดี กลับไม่มีความเชื่อมโยงกับการสร้างโรงงานดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งกระบวนการยุติธรรม ควรที่จะมีการปรับปรุงในเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมแก่ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าว นอกจากนี้ นายสมชาย ยังกล่าวว่า การที่มีการมอบค่าความเสียหายให้กับประชาชนในแต่ละวัน ไม่คุ้มกับความเสี่ยงที่ประชาชนได้รับอย่างไรก็ตาม ในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ควรที่จะมองถึงปัญหาของประชาชน และทำอย่างไรให้ประชาชนมีสิทธิ์ในการจัดการ และร่วมตัดสินใจในโครงการระยะยาวของรัฐบาล
ขณะที่ นางสาวจริยา ว่า รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรที่จะนำปัญหาที่ประชาชนออกมาต่อต้านไม่ให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน มาพิจารณาถึงเหตุผลของการต่อต้าน และมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ซึ่งจะต้องมองในทุกด้าน รวมถึงระบบโครงสร้าง กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ ได้ยกตัวอย่างถึงการสำรวจพื้นที่การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ จ.กระบี่ ว่า ไม่มีการสำรวจอย่างละเอียด บอกเพียงว่าเหมาะแก่การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเพียงอย่างเดียว แต่ไม่มองว่า จังหวัดกระบี่ นั้น เหมาะแก่การทำแหล่งพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนอย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลยังคงเดินหน้าผลักดันให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ก็จะทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่ดังกล่าวลดลง